
นโยบายของ Apple ที่ทำให้สื่อโซเชี่ยลมีเดีย สูญเสียรายได้มหาศาล
เชื่อว่าหลายคนเคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวการเข้าถึง โฆษณาตามสื่อสังคมออนไลน์ ที่เราใช้กันในปัจจุบันว่ามีกลไกลอย่างไร เพราะในบางครั้งเราอาจจะพบว่าการที่เราพูดถึงสินค้าอะไรสักอย่างกับเพื่อนหรือครอบครัวแล้วกลับมาเล่นโซเชียล จะพบว่าโฆษณาสินค้าเหล่านั้น จะขึ้นแทรกมาหน้าฟีดเราทันที จนน่าประหลาดใจหรือบางครั้งอาจเกิดความไม่สบายใจของผู้ใช้งานเรื่องความเป็นส่วนตัว
ระบบการติดตามแอปของ Facebook ถือว่าเป็นระบบที่แข็งแกร่งและล้ำสมัยมากที่สุดในยุคนี้ เพราะเป็นระบบที่ติดตามผู้ใช้งานและพฤติกรรมต่าง ๆ โดยที่บางครั้งผู้ใช้งานเหล่านั้นไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป ต่างจากระบบการติดตามบนเว็บไซต์ ที่เราอาจจะรู้จักกันในชื่อของ “ คุกกี้ “ ที่ถึงแม้จะถูกสร้างมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คือเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งานเพื่อเสิร์ฟสินค้าที่พวกเขามีให้ถูกกลุ่มลูกค้า แต่คุ๊กกี้นั้นจะมีหน้าต่างเด้งเตือนผู้ใช้งานก่อนเสมอว่าเรายินยอมที่จะให้มีการติดตามทุกครั้งที่เราเข้ามาใช้งานเว็บไซต์นี้หรือไม่
นโยบายของ Apple ที่ทำให้สื่อโซเชี่ยลมีเดีย สูญเสียรายได้มหาศาล
จากการติดตามไร้เงาของ Facebook ทำให้ผู้ใช้งานบางรายมีความกังวลใจถึงการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือไม่ จนเคยเกิดเป็นคดีความใหญ่โตมาแล้ว แต่ทาง Facebook ยังยืนยันที่จะใช้วิธีการเดิม เดือดร้อนไปถึง Apple หนึ่งในผู้ผลิตเทคโนโลยีและอุปกรณ์สื่อสารออนไลน์อันดับต้นๆของโลก ได้ออกระบบป้องกันเพื่อเป็นการดูแลลูกค้าของพวกเขาเองด้วยชื่อ “App Tracking Transparency “ ที่จะแจ้งคุณทันทีเมื่อโหลดแอพลิเคชั่นใหม่ลงในเครื่องมือของ Apple ว่า แอปนี้มีระบบติดตามผู้ใช้งานสามารถกดกีดกันหรือยอมรับได้ เพื่อความสบายใจตลอดการใช้งานแอพลิเคชั่นเหล่านั้น
และก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผู้ผลิตสื่อสังคมออนไลน์ เพราะค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาที่ทางเพจร้านค้าต่างๆจ่ายนั้น ถือว่าเป็นรายได้สำคัญของผู้ผลิตเหล่านี้ เหมือน Apple สร้างเครื่องมือตัวนี้ขึ้นมา เปรียบเสมือนการทำลายระบบโฆษณาที่เป็นจุดแข็งของ สื่อสังคมออนไลน์ เหล่านี้ในตัว จนมีการเปิดเผยว่าหลังจากมีการเปิดตัว App Tracking Transparency ทำให้เจ้าใหญ่อย่าง Facebook , Youtube , twitter และ Snapchat สูญเสียรายได้รวมกันมากกว่า 9.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำให้สื่อเหล่านี้ออกมาโจมตีถึงนโยบายนี้ของ Apple อย่างหนักในทุกช่องทาง ทำให้นักลงทุนสื่อส่วนใหญ่หันไปให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android แทน เพราะข้อจำกัดน้อยรวมไปถึงจำนวนผู้ใช้งานก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน นับว่าเป็นสงครามของเจ้ายักษ์ใหญ่ในโลกเทคโนโลยีของโลก ซึ่งแน่นอนว่าการขยับกลยุทธ์แก้เกมของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อการใช้งานของพวกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ด้วยการที่ยังต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันของพวกเขา ในอนาคตอาจจะเห็นการร่วมมือกันหรือหาทางออกร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้งานก็เป็นได้
Credit : Flashfly
Credit : Thairat
Credit : Indian express