
ไอทีสมาร์ทซิตี้
ปัจจุบันนี้ไอทีเข้ามามีบทบาทเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ในชีวิตประจำของเรา เพราะมือถือเองนั้นกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของเราไปโดยปริยาย
มือถือ 1 เครื่องสามารถเป็นได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเปิดปิดบ้าน ล็อคและปลดล็อครถยนต์ ธนาคาร ร้านอาหารห้างสรรพสินค้า เป็นการสื่อสารทุกรูปแบบ
เราอาจจะเห็นว่าการที่เราสามารถโทรศัพท์หากันได้โดยการเห็นหน้าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์แล้ว ยังมีสิ่งที่น่าทึ่งมากกว่า ก็คือรถยนต์ไร้คนขับและเมืองทั้งเมืองที่สามารถคุยกันได้เอง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ข้าวของเครื่องใช้
ขณะนี้ประเทศจีน ได้มีการเริ่มใช้รถโดยสาร อย่างเช่น รถแท็กซี่ไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ไร้คนขับ ออกบริการผู้โดยสารแล้ว
ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับนี้จะต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตแรงและชัดเจน อย่างเช่น 5g เส้นทางที่จะใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าไร้คนขับจะมีการวางระบบสัญญาณไว้ครอบคลุมทุกจุดและมีการสร้าง AI ที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ทั้งรถยนต์สัญญาณจราจร และ รถยนต์ สถานที่จุดหมายปลายทาง
ส่วนรถยนต์ที่ใช้จะมีสเป็คพื้นฐาน นั่นคือ
เครื่องยนต์แปรผัน
มีสัญญาณเซ็นเซอร์รอบคันเพื่อให้จับวัตถุเคลื่อนไหวได้ชัดเจนเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
มีระบบเบรคอัจฉริยะ
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน
มีกล้องในรถยนต์สำหรับให้ผู้ที่ควบคุมมอนิเตอร์จากระยะไกลมองเห็นภายในรถยนต์
วิธีเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ไฟฟ้าไร้คนขับคือผู้ใช้งานติดตั้ง app บริการเมื่อต้องการใช้บริการก็สามารถกดเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ไฟฟ้าไร้คนขับให้ไปรับที่จุดหมายปลายทาง
ไม่เพียงแค่รถไฟฟ้าแท็กซี่ไร้คนขับเท่านั้นแต่ตอนนี้ที่เมืองเจิ้งโจวประเทศจีนก็ได้นำรถเมล์ไฟฟ้า 100%สาธารณะ ไร้คนขับเริ่มออกบริการแล้วเช่นกัน ลักษณะการทำงานก็คล้ายกับการเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ไฟฟ้าไร้คนขับนั่นเอง
รถยนต์โดยสารไฟฟ้าทั้งแท็กซี่และรถเมล์ไร้คนขับนี้ มีความอัจฉริยะในด้านของการขับขี่ จดจำเส้นทางได้ จดจำสัญญาณไฟจราจรได้
แต่ที่สำคัญก็คือสามารถตรวจสอบการทำงานภายในตัวเองได้ ฉลาดพอที่จะรู้ว่าแบตเตอรี่จะหมดหรือเหลือแบตเท่าไหร่ สามารถพาตัวเองกลับไปชาร์จแบตได้ ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังผู้ที่ดูแลจอมอนิเตอร์ได้ รู้จุดบกพร่อง รู้อาการอะไหล่ของตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติ แล้ว AI จะแจ้งข้อมูลไปยังผู้ที่ดูแลจอมอนิเตอร์ได้
รูปแบบแผนผังเส้นทางและการใช้รถยนต์สาธารณะไฟฟ้าไร้คนขับ เป็นแค่เพียงต้นแบบ เริ่มต้นของเมืองอัจฉริยะในอนาคต ตอนนี้ทางประเทศจีนมีโครงการที่จะสร้างเมืองไอทีสมาร์ทซิตี้ขึ้น นั่นก็คือการที่เมืองทั้งเมืองสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยระบบสารสนเทศที่ใช้สัญญาณโทรศัพท์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก
ซึ่งไอทีสมาร์ทซิตี้นี้ จะถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่าเมืองแห่ง internet of things คือ คิดทุกอย่างจากอินเทอร์เน็ต เพราะต่อไปอินเทอร์เน็ตจะไม่ได้อยู่แค่ในมือถือกับคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตเท่านั้น แต่จะอยู่ทั้งในบ้าน ในคอนโด ในรถในจักรยาน ในมอเตอร์ไซค์ ในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ในลิฟท์ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว ตั้งแต่คุณลุกออกจากเตียงตอนเช้า คุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดสั่งงาน เครื่องดูดฝุ่นให้ทำงานบ้านยามเช้า สั่งงานหม้อหุงข้าว สั่งงานเครื่องปิ้งขนมปัง สั่งงานเครื่องต้มกาแฟ สั่งให้ไฟในห้องน้ำเปิด สั่งให้รถยนต์ถอยออกมารอคุณในจุดขึ้น ลง ประจำ โดยที่รถยนต์คันนั้นเปิดแอร์ให้คุณก่อนล่วงหน้าที่คุณจะถึงรถ โดยที่คุณไม่ต้องไปทำด้วตัวเองทีละอย่าง ทุกอย่างมันจะดูง่ายไปหมดใช่ไหมล่ะ
ไม่เพียงแค่นั้นกลไกการทำงานที่มากกว่านั้น ถูกตั้งเป้าหมายเอาไว้สำหรับ สมาร์ท ซิตี้ ต่อไปอาจจะไม่ใช่แค่การสั่งงานจากโทรศัพท์เป็นประจำวันแต่ถ้าหากว่า AI เรียนรู้การทำงานของคุณอย่างเป็นระบบจนเชี่ยวชาญและมีการเมมโมรี่พฤติกรรมของคุณได้ AI จำทำงานให้คุณเองอัตโนมัติในทุก ๆ วัน คล้ายกับการตั้งนาฬิการปลุกในโทรศัพท์มือถือนั่นเองฟ
ไอทีสมาร์ทซิตี้