6 ข้อที่จะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อทีวี

  • By admin
  • 8 มีนาคม 2021
  • 0
  • 802 Views
6 ข้อที่จะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อทีวี หลายคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่า การเลือกซื้อทีวี มาใช้งานในบ้านนั้นเราควรมีหลักเกณฑ์อะไรบ้าง

6 ข้อที่จะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อทีวี

หลายคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่า การเลือกซื้อทีวี มาใช้งานในบ้านนั้นเราควรมีหลักเกณฑ์อะไรบ้างที่จะนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุดวันนี้จะมาแนะนำ 6 ข้อที่จะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อทีวี มีดังนี้

 1 ขนาดของทีวี ควรเหมาะสมกับห้องและระยะห่างจุดที่เรานั่ง เพราะถ้าขนาดเล็ก การนั่งอยู่ไกลๆ อาจจะทำให้มองเห็นไม่ชัดหรือถ้าขนาดของทีวีมีขนาดที่ใหญ่แต่ห้องมีขนาดเล็กและที่จุดนั่งในการรับชมอยู่ไกล้กับทีวีมากเกินไป จะส่งผลกระทบกับดวงตาของเราโดยตรงจากแสงที่ส่องออกมาจากทีวี เราควรเลือกขนาดที่เหมาะกับห้องและระยะห่างระหว่างจุดที่นั่งรับชมให้เหมาะสมกัน

2 ความละเอียดภาพ ความละเอียดภาพจะเป็นส่วนที่ทำให้เรามองเห็นว่าภาพที่แสดงออกมาจากจอว่าสวยหรือไม่สวย เพราะถ้ายิ่งภาพมีความระเอียดสูงภาพที่เรามองเห็นจะสวยมากขึ้นตามไปด้วย

3 แบบตั้งโต๊ะหรือแบบแขวนผนัง โดยส่วนใหญ่แล้วทีวีที่ซื้อมาจะเป็นแบบตั้งโต๊ะซึ่งถ้าการใช้งานของบ้านเราเป็นแบบแขวนผนังเราควรเลือกซื้อให้ดีว่าเครื่องที่เราซื้อมาสามารถแขวนติดผนังได้ มีที่ยึดสำหรับติดผนังได้เพราะถ้าหากเราไปซื้อมาผิด ทีวีเครื่องนั้นเราต้องใช้งานแบบตั้งโต๊ะแทนการแขวนผนังตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกไม่ได้

4 Digital TV หรือ Smart TV ความแตกต่างของทั้งสองแบบคือ Digital TV จะเป็นทีวีธรรมดา สามารถต่อใช้งานได้ตามปกติทั่วไป แต่แบบ Smart TV จะคล้ายๆ ดับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราสามารถต่อไวไฟได้ ซึ่งเราจะสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือรับชม Youtube Netfilx ผ่าน Smart Tv ได้เลย ซึ่งการใช้งานจะใช้งานได้มากกว่าแบบ Digatal Tv แตต่ราคาของ Smart TV ก็จะสูงกว่า Digital TV เช่นกัน

5 ช่องต่อออกไปใช้งาน ในส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก หากการใช้งานของเราต้องการต่ออะไรต่างเพิ่ม เช่นการเล่นเกมส์เราอาจจะต้องดูว่ามีช่องต่อ HDMI มาให้เราใช้งานหรือไม่ หรือจะช่องเสียบ USB ว่าให้มาหรือไม่ เพราะช่องต่อการใช้งานแบบนี้ จะช่วยให้การใช้งานในด้านต่าง ๆ ของเราสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องไปคอยหาซื้ออุปกรณ์แปลงหัวต่อให้ยุ่งยากในภายหลังได้

6 การรับประกัน เราควรให้ความสำคัญกับการรับประกันให้มาก ๆ เพราะถ้าเครื่องที่แพง ๆ แต่รับประกันแค่ 1 ปีอาจจะเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เช่น เราซื้อทีวีราคา สองหมื่นบาท รับประกัน 1 ปี พอเราใช้งานได้ไปได้ 367 วันเครื่องเกิดมีปัญหา เท่ากับว่าเครื่องนั้นประกันไม่มีแล้ว เราไม่สามารถนำสินค้าไปเคลมกับทางศูนย์บริการหลังการขายได้

เท่ากับว่า 1 ปีเราเสียเงินไปสองหมื่นบาท ซึ่งมาเทียบกับการใช้งานแล้วมันคุ้มค่าหรือไม่ และถ้าพังจริงๆ เราก็ต้องซื้อเครื่องใหม่มาใช้งานใหม่อีกซึ่งเราก็ต้องเสียเงินอีกในปีถัดไป ดังนั้นควรเลือกซื้อเครื่องที่มีประกันหลาย ๆ ปีเช่น การรับประกัน 3 ปีขึ้นไป เพราะถ้าเราซื้อเครื่องในราคา สองหมื่นบาท แต่เราใช้งานไปได้ 3 ปีแล้วมันพัง ยังไงมันก็คุ้มค่ากว่าแบบแรก เสียเงินในราคา สองหมื่นเท่ากันแต่ใช้งานได้มากกว่าถึง 2 ปีเลยทีเดียว


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น