EU เตรียมควบคุมยักษ์ใหญ่บริษัท อินเทอร์เน็ต

            สื่อชื่อดังของประเทศอังกฤษอย่าง The Financial Times นำเสนอรายงานว่า หน่วยงานที่ควบคุมดูแลในเรื่องของอินเทอร์เน็ตของ สหภาพยุโรป เตรียมจัดทำ “Hit List” ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับเพลงหรือภาพยนตร์สุดฮิตแต่อย่างใด แต่นี่คือ 20 อันดับบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของโลกที่จะต้องเข้ามาประชุมเพื่อเข้าสู่กฎระเบียบใหม่ที่ทาง สหภาพยุโรปตั้งขึ้น

            โดยกฎระเบียบที่ทางสหภาพยุโรปได้จัดทำขึ้นมาก็เพื่อควบคุมอำนาจการผูกขาดทางการตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนว่าในรายชื่อที่ทางสหภาพยุโรปลิสต์จะต้องมีชื่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกาติดโผเข้ามาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็น Facebook, Apple, Amazon และแม้กระทั่ง Google เองก็หนีไม่พ้น

            โดยกฎที่สหภาพยุโรปตั้งมาบริษัททั้งหมดที่มีลิสต์ในรายชื่อจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่าคู่แข่งรายเล็ก โดยจะต้องแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับบริษัทคู่แข่ง และรวมถึงวิธีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจะต้องมีความโปร่งใสมากขึ้นกว่าเดิม เช่นในเรื่องของข้อมูลเกี่ยวกับส่วนแบ่งทางการตลาด รายได้ และจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางสหรัฐอเมริกา ได้มีกลในการตรวจสอบการผูกขาดทางการตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นกฎที่ทางสหภาพยุโรปตั้งออกมา ทำให้หลายฝ่ายคิดกันว่าจะไปย้อนแย้งกับสอบสวนของคณะอนุกรรมการสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ซึ่งหากกฎนี้ถูกใช้อย่างเป็นทางการ จะทำให้โอกาสในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น และเป็นการเปิดกว้างให้กับนวตักรรมใหม่ๆ จากบริษัทที่เล็กกว่า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน

            มาต่อกันที่ข่าวของ Apple ที่ได้ออกมาแจ้งถึงเรื่องของการเปลี่ยนวิธีการส่งสินค้าแล้ว โดยในตอนแรกการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้านั้น สินค้าจะถูกส่งมาจากศูนย์กระจายสินค้าในประเทศไทย หรือในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก แต่ Apple จะเปลี่ยนวิธีการเป็นแบบส่งจากสาขาแทนเพื่อโอกาสที่ลูกค้าจะได้รับสินค้าไวขึ้น โดยในเรื่องนี้นั้นได้มีการนำร่องไปแล้วในกว่า 300 สาขาทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และลูกค้ามีการตอบรับที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก เลยทำให้ Apple เตรียมจะจัดการในเรื่องกับทุกสาขาทั่วโลก เพื่อที่ในอนาคตจะได้ไม่ต้องนำสินค้าไปยังศูนย์กระจายสินค้าที่ไกลออกไปแต่นำมาไว้ในสาขาได้เลย

            นอกจากลูกค้าจะได้รับสินค้าไวขึ้นแล้ว ยังเป็นการแก้ไขปัญหาอีกทางให้กับสาขาที่ยังปิดตัวอยู่เพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด – 19 และเป็นทางเลือกให้กับหลายๆ สาขาที่เปิดตัวอยู่ แต่ในอนาคตหากการระบาดรุนแรงมากกว่าเดิมและต้องปิดตัวลงอีกครั้ง จะได้นำมาเป็นศูนย์ในการให้บริการหรือขายสินค้าให้กับลูกค้าของทาง Apple ในรูปแบบออนไลน์ได้

 

EU เตรียมควบคุมยักษ์ใหญ่บริษัท อินเทอร์เน็ต