Siri ใน iOS

 

 

siri  ในสมาร์ทโฟนหรือในอุปกรณ์ที่อยู่ในเครือของ apple ได้รับการดูแลด้วยซอฟแวร์ iOS

แต่ต้นกำเนิดของสิริ มาจาก Natural ranguage interface using constrained intermediate dictionary of results สิทธิบัตรตัวนี้ถูกจด เมื่อ พ.ศ. 2007 โดย Professor Cheng Hsu และ รศ.ดร.วีระ บุญจริง ซึ่งเป็นคนไทย  ซึ่งทาง apple ได้ทำการขอจ่ายเงินโดยรวมแล้วเราราวๆ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการยอมความในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์  ถึงแม้ว่าตอนนั้นแอปเปิ้ลจะใช้ชื่อ Siri ก็ตามแต่เนื่องด้วยรูปแบบการใช้งานตรงตามที่ได้ทำการจดสิทธิบัตร เพียงต่างกันแค่ชื่อ ก็จะเหมือนกับว่าเป็นการจ่ายค่าลิขสิทธิ์กลาย  ๆ

ต่อมา Apple จึงได้นำ Siri มาดูแลด้วยระบบ OIS นั่นเอง

 

Siri เกิดมาเพื่อฟังคำสั่งเสียงและตอบสนองต่อผู้ออกคำสั่งได้หลากหลาย

เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว  แต่การป้อนข้อมูลของผู้ใช้นั้น ต้องตรงประเด็นเป็นคำสั่งที่กระชับ เข้าใจง่าย เช่น Siri เปิดเพลง (สามารถตามด้วยชื่อเพลงได้) , Siri เปิดหนัง , Siri เปิดไฟ , Siri สวัสดี ,  Siri วันนี้อากาศเป็นอย่างไร  เป็นต้น

 

เพราะสิริถูกสร้างมาเพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น  ดังนั้นการใช้งาน Siri ก็ต้องไม่ต้องมีคำสั่งซับซ้อนมากเกินไปเพื่อเป็นการประหยัดเวลาของผู้ใช้ และความว่องไวต่อการตอบสนองจาก Siri

 

เมื่อก่อนเรามักมีคำฮิตสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนว่าชีวิตง่ายแค่ปลายนิ้ว  แต่ในอนาคตอาจจะเปลี่ยนไปเป็นคำว่าชีวิตง่ายแค่ปลายลิ้นก็อาจเป็นได้  นั่นก็เพราะต้นแบบที่ผลิตออกมาอย่าง siri นี่แหละ

 

แล้วอย่างที่เคยบอก  และที่บางคนรู้แล้วว่าในยุคแรกที่Jobกับเพื่อน  ได้ช่วยกันคิดค้นต่อยอดลูกบอลให้เป็นสีแดงจากในเกม จนปัจจุบันนี้กลายมาเป็นสมาร์ทโฟนที่รวมโลกทั้งใบเอาไว้ในเครื่องพกพาเล็ก ๆ 

ดังนั้นเชื่อเถอะในอนาคต Siri  อาจจะเป็นได้มากกว่าผู้ที่ตอบสนองคำสั่งสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็เป็นได้  ใครจะไปรู้  เราอาจจะสั่งให้ siri ซ่อมกลไกอิเล็กทรอนิกส์ที่แอปเปิ้ลผลิตขึ้นก็ได้นะ อันนี้นักเขียนมโนเอาเอง แต่แหม… ก็ถ้าหากว่า iOS ไม่หยุดในการพัฒนา เป็นไปได้ว่าในอนาคตทุกอย่างที่เป็นซอฟต์แวร์ของ iOS เกิดคุยกันได้ขึ้นมา แล้วคุยกันได้รู้เรื่อง เช่นหากโปรแกรมเฝ้าบ้านที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ iOS จับได้ว่ามีสัญญาณเพลิงไหม้  มีขโมยเข้าบ้าน  ระบบในบ้าน อาจจะบอก Siri ให้ Siri ช่วยมาบอกเราหรือไม่ก็ให้ Siri ช่วยติดต่อด้วยการโทรไปที่โรงพักอัตโนมัติ ก็ไม่แน่นะ  (เดาเอาเองอีกแหละ)

 

ในบางครั้งอาจจะมีผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ระบบอื่น อาจจะอยากทำการติดตั้ง Siri ซึ่งในความเป็นจริงยังไม่แน่ใจว่าเป็นการถูกลิขสิทธิ์หรือเปล่า  แต่ทว่าในปัจจุบันนี้มีแอปใน play store อยู่หลายชิ้นที่ได้ผลิต แอปเลขาส่วนตัวออกมาให้ทดลองใช้อยู่มากมาย  ซึ่งก็ตอบโจทย์การใช้งานค่อนข้างดี ปัจจุบันนี้จึงอาจไม่ค่อยจำเป็นที่จะต้องพยายามนำ Siri เข้าไปติดตั้งในซอฟต์แวร์อื่นที่ตนเองใช้อยู่  เพียงแต่ app เหล่านั้น  อาจเป็นผู้พัฒนาซอฟแวร์จากค่ายอื่น  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดี เพราะก็ใช้งานได้น่าพอใจเชียวแหละ   เพียงแต่การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในอุปกรณ์ โทรศัพท์  แท็ปเล็ต  หรือคอมพิวเตอร์  อาจต้องถูกเปิดเผยโดยการยินยอมให้ใช้แอปได้ค่อนข้างกว้างมากขึ้นไปเรื่อย ๆ  แต่หากเป็นข้อมูลพื้นฐานก็ไม่มีอะไรต้องน่าห่วง

 

แต่ทว่าเป็นการดีหากมีการใช้อุปกรณ์ที่มาจากซอฟต์แวร์เดียวกันทั้งหมดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน  การเก็บรักษาข้อมูลที่มาจากแหล่งเดียวกัน การดูแลระบบ  และเกิดความปลอดภัยในการใช้งานนั่นเอง  อย่างเช่นระบบ iOS เป็นต้น  ที่มีอัตลักษณ์ในการบริหารแลนด์มาร์คของตนเองที่ไม่เหมือนใคร  ทุกอย่างที่ได้รับการดูแลจาก  iOS จึงใช้งานร่วมกันได้เป็นอย่างดี  

 

 Siri ใน iOS